|
สกรูไล่อากาศที่หม้อน้ำของรถยนต์ BMW E34 (Bleed Screw or Bleed Plug)
ตำแหน่งอยู่ข้างๆ ฝาปิดหม้อน้ำ
|
|
หัวเป็นกากะบาท นี่แหละสกรูไล่อากาศ พระเอกตามท้องเรื่อง
จะว่าหัวเป็นเครื่องหมายบวก หรือเครื่องหมายคูณ ก็สามารถเอียงคอดูได้
|
|
มีภาษาเยอรมันกำกับไว้ ... entluftung (เอ็นทุลุฟด้ง)
อ่านมั่วๆ ว่า เอ็นทะลุโด่ง
แปลว่า การระบายอากาศ
|
|
การไล่อากาศจากระบบน้ำระบายความร้อน ต้องติดเครื่องยนต์ให้เครื่องร้อนจนวาวล์น้ำเปิด แล้วเร่งเครื่อง คลายสกรูให้น้ำล้นออกมา ถ้ามีฟองก็เร่งเครื่องให้น้ำไหลออกมาเรื่อยๆ จนหมดฟอง มีแต่น้ำล้วนๆ ไหลออกมา จึงขันสกรูปิด
|
|
เมื่อไล่อากาศเสร็จ ขันสกรูปิดแล้ว ถ้าเร่งเครื่องจะเห็นสายน้ำไหลลงในกระป๋องพัก (มีแต่น้ำ ไม่มีอากาศ) ส่วนใหญ่เราไม่ได้ดูตรงนี้ เพราะปิดฝาแล้ว (สังเกตดูในวงกลม)
หลังดับเครื่องยนต์ ทิ้งไว้สักพักใหญ่ๆ ควรตรวจดูระดับน้ำที่ข้างกระป๋องพัก ควรอยู่ที่ระดับ COLD ไม่ต้องเป๊ะก็ได้ ต่ำกว่านิ้วสองนิ้วก็ยังถือว่ามีน้ำ ไม่ต้องวิตกมาก หน้าที่เราคือเติมเพิ่มเข้าไปให้ได้ระดับ และต้องตรวจเติมบ่อยๆ ให้มีน้ำอยู่ในระบบ อย่าให้ขาดน้ำ
ถ้าน้ำแห้งระดับต่ำมากจะมีไฟเตือนขึ้นที่หน้าปัด ต้องหยุดรถตรวจน้ำโดยด่วน บางครั้งเซนเซอร์มันหลอกเรา ต้องดูให้ดี จริงหรือหลอก
ตอนเช้าที่เครื่องไม่ร้อนเปิดฝากระป๋องพักดูระดับน้ำได้ จะเห็นชัดดีกว่า ถ้ากระป๋องสกปรกมองจากข้างนอกอาจนึกว่ามีน้ำ แต่อาจเจอคราบน้ำเก่ามันหลอกก็ได้
|
|
การขันสกรู ควรใช้เหรียญหนึ่งบาทไทยเป็นตัวช่วย
บิดเหรียญหมุนไปทางขวา ตามเข็มนาฬิกา คือหมุนเข้า ขันปิดให้แน่น
บิดเหรียญหมุนไปทางซ้าย ทวนเข็มนาฬิกา คือหมุนออก ขันออกให้หลวม
ถามว่า ต้องบิดแน่นแค่ไหน ....จึงจะพอ
ตอบว่า เอาแค่พอตึงมือ แน่นเกินไปสกรูจะขาด
|
|
ตัวอย่าง ที่ 1 สกรูไล่อากาศขาด
แบบนี้ต้องจอดหลายวันจนกว่าจะได้อะไหล่มา
จึงเห็นได้ว่าสกรูตัวเล็กๆ ตัวเดียวเมื่อเสีย ระบบระบายความร้อนจะใช้ไม่ได้ รถจึงไม่สามารถวิ่งได้ ต้องจอดหรือลากเท่านั้น พอได้อะไหล่ใหม่มาใส่ เติมน้ำ ไล่อากาศ รถวิ่งได้ทันที จึงสรุปว่า เจ้าตัวเล็กนี่มีฤทธิ์เยอะทีเดียว
|
|
เหตุนี้เกิดหลายปีแล้ว ขันแน่นจนขาดคารูโดยไม่รู้ตัว
สาเหตุเนื่องจากว่าผมเห็นรอยผ่าบนหัวสกรูมันใหญ่มาก จึงใช้ไขควงตัวใหญ่ (มาก) ที่ปากมันเข้าพอดีกับหัวสกรู
ใช้มือซ้ายจับไขควงขัน มือขวากดคันเร่งที่ลิ้นปีกผีเสื้อ พอไล่อากาศออกหมด มือซ้ายขันสกรูปิดเบาๆ เท่านี้เอง สกรูขาด ..... เป็นเรื่องใหญ่ทันที
ทำไม ... สกรูจึงขาด เนื่องจากใช้ไขควงใหญ่เกินไป ออกแรงขันด้วยความรู้สึกว่าเล็กน้อย แต่แรงกระทำที่หัวสกรูมากเกินที่สกรูจะรับได้ ประสาทสมองแบ่งแยกความรู้สึกและควบคุมการออกแรงของมือซ้ายมือขวาผิดพลาด ประมาณนี้ครับ
|
|
เมื่อสกรูขาดคารูอยู่อย่างนี้ ต้องหาวิธีเอาออก
ใช้สว่านดอกเล็กประมาณ 1 ม.ม. เจาะ ค่อยๆเจาะแบบบรรจงเจาะนะครับ อย่าให้พลาดไปถูกเกลียวข้างรู
เจาะไป 1 รู ลึกประมาณ 3 ม.ม. ตอนนี้บนสกรูที่ขาด จะเห็นว่ามี 1 รูกลม กับ 1 ร่องน้ำข้างๆ สี่เหลี่ยม
เราจะใช้ร่องน้ำข้างๆ ร่วมกับรูที่เราเจาะ เป็นจุดหมุนสกรูออก
|
|
หาเครื่องมือ ได้คีมถอดสปริงล็อกที่ปากแหลม ใส่เข้าไปที่รูกับร่องบนสกรู แล้วค่อยๆ หมุนเอาสกรูออกมา
|
|
ชิ้นส่วนสกรู หัวสกรู กับตัวสกรู จะเห็นว่าตรงเกลียวมีร่องน้ำอยู่ ที่เราได้ใช้ประโยชน์ในการถอดด้วย
สังเกตที่หัวสกรู แสดงว่าขันแรงจนหัวเยินหมด มันขาดก็สมควรแล้ว
|
|
อะไหล่ใหม่ สกรูไล่อากาศที่หม้อน้ำ ตัวละ 80 บาท
|
|
เทียบสกรู ใหม่ กับ เก่า แบบเดียวกัน
ได้สกรูใหม่มาใส่ เติมน้ำ ไล่อากาศ รถก็วิ่งใช้งานได้ปกติ
|
|
ดังนั้น .... ท่านทั้งหลาย โปรดใช้เหรียญ 1 บาท เป็นตัวช่วยขันสกรูไล่อากาศนะครับ รับรองปลอดภัย
ใครจะบ้า บิดเหรียญจนสกรูขาด ก็ให้มันรู้ไป
|
|
ตัวอย่าง ที่ 2 สกรูไล่อากาศสกปรก
อันนี้ไม่ปัญหาที่เกิดจากสกรูไล่อากาศ แต่มันใช้บอกเราได้ว่า น้ำในระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์คุณภาพแย่แล้ว
|
|
สังเกตสนิมสีเหลืองที่ติดแทรกอยู่ตามเกลียว มันมากับน้ำ
แบบนี้ต้องถ่ายน้ำ ล้างระบบ ใช้น้ำยาล้างหม้อน้ำเติมในน้ำแล้ววิ่งรถใช้งานประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นถ่ายน้ำออกจนหมด เติมน้ำใหม่เข้าไป (ใช้น้ำประปา) แล้วถ่ายน้ำออก และเติมน้ำใหม่ ประมาณ 3 ครั้ง
ขณะที่เติมน้ำใหม่ต้องติดเครื่องเดินเบาบ้าง เร่งบ้าง จนเครื่องร้อน วาวล์น้ำเปิด ให้น้ำไหลหมุนเวียน (ล้าง) ในเครื่อง จึงถ่ายน้ำออก ดูน้ำที่ถ่ายออกครั้งสุดท้ายต้องใส
ทำการเติมน้ำใหม่เข้าไป คราวนี้เป็นน้ำที่ใช้จริง อาจใช้น้ำดื่มขวดหรือน้ำสะอาด ควรเติมน้ำยาหม้อน้ำเข้าไปด้วย เช่น น้ำยาคูลแล้นต์กันสนิม
|
|
ตัวอย่าง ที่ 3 มีคราบหินปูนรอบๆ สกรูไล่อากาศ
เกิดอะไรขึ้น .... คราบเหลืองนี้ บอกอะไรแก่เรา
|
|
ขยายดูใกล้ๆ
อย่าคิดนะครับ ว่าขับ E34 แล้ว จะมีผงทองคำเกิดขึ้นที่สกรูไล่อากาศ
คราบเหลืองนี้ แม้จะล้าง ใช้แปรงสีฟันขัดออกจนสะอาด ไม่นานก็จะเกิดขึ้นอีก
|
|
อาการนี้ บอกได้ว่า มีน้ำรั่วที่สกรูไล่อากาศ (ตอนแรกไม่ทราบ มาถึงบางอ้อเอาตอนหลังนะครับ)
น้ำรั่วทุกวัน ๆ หลายวัน สะสมแห้งตกเป็นผลึกสีเหลืองรอบหัวสกรู
|
|
คราบที่เกิดนี้จะเป็นหินปูน หรือคราบเคมีของน้ำยาคูลแล้นต์ในหม้อน้ำ ไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นอะไรแน่ แต่มันมีประโยชน์บอกอาการน้ำรั่วแก่เราได้
เปิดเอาสกรูมาดู ใช้เหรียญช่วย ถูกต้องตามหลักการ
|
|
เอาสกรูออกมา มีผลึกเหลืองด้านข้างสกรู และที่ข้างรู ในรูก็มีด้วย
|
|
เช็ดทำความสะอาด เช็ดตัวสกรู และรูที่หม้อน้ำ
|
|
ดูที่ตัวสกรู ดูที่รูของหม้อน้ำ ไม่มีอะไรที่บอกว่าน้ำรั่ว
|
|
มาถึงบางอ้อ .... เอาสกรูอีกอันหนึ่งมาเทียบ
ท่านผู้อ่านเห็นหรือยัง .... ตัวหนึ่งไม่มีโอริง อีกตัวหนึ่งมีโอริง
สรุปว่าสกรูไล่อากาศหม้อน้ำต้องมีโอริงด้วย กันน้ำรั่ว
ลองตรวจสกรูไล่อากาศหม้อน้ำรถของท่านว่ามีโอริงไหม ถ้าไม่มีก็หามาใส่ จะได้กันน้ำรั่วได้
ซื้อหม้อน้ำมาใหม่ก็ตรวจด้วยนะครับ ของผมซื้อหม้อน้ำใหม่ไม่มีโอริง กว่าจะหาสาเหตุเจอก็นานครับ
โอริง ตัวเล็กนิดเดียว รักษาอาการน้ำรั่วได้ครับ
|
|
สรุป น้ำระบายความร้อนของเครื่องยนต์ถ้าเป็นสนิมสีเหลืองมาก ให้ใช้น้ำยาล้างให้สะอาดทั้งระบบ
ใช้น้ำสะอาดเติมหม้อน้ำ ผสมน้ำยากันสนิมและหล่อเย็นเข้าไปด้วย ตามอัตราส่วนของน้ำยายี่ห้อที่ซื้อมาใช้
|
|
การบิดขันสกรูไล่อากาศเข้า-ออก ใช้เหรียญ 1 บาทเป็นตัวช่วย ขันแน่นพอตึงมือ
ห้ามใช้ไขควงตัวใหญ่ขัน สกรูจะขาด เพราะแรงเยอะเกินไป
|
|
รอบหัวสกรูไล่อากาศต้องสะอาด ไม่มีคราบเหลือง คราบเขียว หรือสิ่งผิดปกติ
หากมีคราบใดๆ สะสมเกิดขึ้นรอบหัวสกรูไล่อากาศ อาจมีน้ำรั่วได้ ต้องตรวจเปลี่ยนโอริง และขันสกรูใหม่
|