 |
เนื่องจากตอนรถวิ่ง ถนนเรียบๆ ในเมือง วิ่ง 40 - 60 กม./ชม. มีเสียงดัง เหมือนโลหะกระทบกันอยู่ใต้รถ กิ๊ง .. กิ๊ง .. กิ๊ง ..
ได้ตรวจหาสาเหตุ กระบวนการค้นหาจุดที่เสียงดังกิ๊งกิ๊ง..ใช้เวลาหลายวัน ถอดออกดูตัวที่สงสัยหมดทุกตัว เหลือเจ้าตัวนี้ตัวสุดท้าย
|
 |
ดูสภาพภายนอก ก็ดูดี ไม่น่าเสีย ดูยางกันฝุ่น ก็ยังไม่ขาด
ครั้งที่แล้ว เปลี่ยนตอน เจ็ดหมื่นกว่ากิโลเมตร เมื่อห้าปีที่แล้ว เกือบจะหกปี (เดือน 12/2004)
|
 |
เมื่อถอดเจ้าตัวบูชโตงเตง ใต้ปีกนกหลัง ออกมาดู ตอนแรกที่ถอดออกมาก็ยังไม่รู้ว่ามันเสีย
ต้องถอดยางกันฝุ่นออกมาดูข้างใน เจอว่ามันหลวมมากแล้ว
|
 |
ข้างในไม่มีจาระบี สารหล่อลื่นอะไรเหลืออยู่เลย แห้งสนิท เอามือจับโยกคลอนดู โลหะตัวนอกกับตัวในกระทบกันดัง กิ๊ง .. กิ๊ง
รถวิ่งไป เสียงดัง กิ๊ง .. กิ๊ง .. ตลอดเวลา เหมือนชิ้นส่วนอะไรจะหลุด ทั้งคนขับ คนนั่ง ประสาทจะกิน เพราะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
|
 |
ดูสภาพภายใน จะหลวมมาก ๆ เห็นแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ครับ ไม่ต้องตรวจต่ออีกแล้ว ต้องปลดประจำการอย่างเดียว
ทางเลือก คือจะใช้อะไหล่ใหม่ หรืออะไหล่เก่ามือสอง เป็นทางเลือกที่ต้องตัดสินใจ
|
 |
ผมไม่มีเครือข่าย และไม่มีข้อมูล ที่จะซื้ออะไหล่เก่าหรืออะไหล่มือสองอยู่เลย
ทางเลือกของผม มีทางเดียวคือ สั่งซื้ออะไหล่ใหม่ โตงเตงหลังมา 1 คู่
|
 |
โทรไปสั่งของ กับอาเฮียที่เคยซื้อกันประจำ บอกโตงเตงหลัง อีสามสี บีเอ็ม 1 คู่ เอาตรานกนะครับ ..... เฮีย
โอนเงินไปตอนบ่าย ให้ส่งของแบบโอเวอร์ไนท์เอกซ์เพรสส์ (Overnight Express)
เพียงข้ามคืน วันรุ่งขึ้นไม่เกินสิบโมงเช้า ส่งของถึงบ้าน สะดวกมาก ระบบขนส่ง โลจิสติกส์ในปัจจุบัน
|
 |
แกะกล่องเอาของออกมาตรวจดู
|
 |
ตอนสั่งของ ระบุว่าเอาตรา นก นะครับ
|
 |
สังเกตตรงสามเหลี่ยม ไอ้ตัวที่อยู่ข้างในนั่นแหละ คือ นก(ฮูก)
ดูไม่ค่อยออกหรอกครับ มองเห็นแค่สามเหลี่ยมก็สรุปว่า ตรานกแล้ว
|
 |
ที่ยางกันฝุ่นก็มีตรา และตัวเลขอยู่ด้วย
เห็นยางกันฝุ่นแบบนี้พอเก่าไปมันจะสลายตัว เปื่อยยุ่ยหายไปหมดเลยละครับ แต่ก็โน่น อีกราว ๆ 6-7 ปี
ขอให้สังเกตไว้ พอยางกันฝุ่นเริ่มปริแตกเปื่อยยุ่ย เจ้าบูชโตงเตงนี้ก็เริ่มจะหมดสภาพ ถึงเวลาเปลี่ยนใหม่ครั้งต่อไป นะครับ
|
 |
เมื่อถอดล้อออกแล้ว ตั้งขาตั้งรองรับรถมั่นคงดีแล้ว ก่อนถอดบูชโตงเตง ผมใช้แม่แรงตัวหนึ่งดันใต้เทลลิ่งอาร์มให้อยู่แนวระดับปกติ เพื่อการถอด โบลต์-น๊อตบูชโตงเตงไม่ฝืด
|
 |
สังเกตที่ตัวบูช ควรอยู่ในแนวตรง (ดิ่ง) จะถอด หรือใส่ โบลต์ ง่าย
|
 |
การถอดน๊อตตัวใน ใช้ประแจแหวน 22 ม.ม. ล็อกน๊อตไว้ไม่ให้หมุนตาม แล้วใช้ประแจบ๊อกไขโบลต์ทางด้านล่าง ต่อด้ามยาวให้เบาแรง
|
 |
ถอดบูชตัวเก่าออกไปแล้ว ทำความสะอาด น๊อต โบลต์ แหวน และบริเวณรูที่ยึดน๊อต บน-ล่าง ของเทลลิ่งอาร์ม
|
 |
ใส่โบลต์ตัวสั้นเข้ากับบูช พร้อมใส่แหวนรอง
|
 |
ใส่โบลต์หมุนเกลียวเข้ากับเทลลิ่งอาร์ม
|
 |
การเปลี่ยนบูชคราวนี้ มีประแจปอนด์ด้วย ด้ามยาว ตั้งใจเอามาขันช่วงล่างโดยเฉพาะ
|
 |
ตั้งแรงขันที่ 94 ปอนด์
|
 |
ใช้ประแจปอนด์ขันเข้าไปพอตึงมือ แล้วขันต่อจนมีเสียงดัง ... แก๊ก แปลว่า พอแล้ว ขันแน่นที่ 94 ปอนด์แล้ว ได้มาตรฐานแล้ว หยุดขัน
|
 |
ขันแน่นเท่ากันทั้งสองตัว ตอนที่ขันโบลต์ตัวใน ต้องใช้ประแจแหวน 22 ม.ม. จับล็อกน๊อตตัวบนไม่ให้หมุนตาม
|
 |
ด้านซ้าย เปลี่ยนบูชเรียบร้อยแล้ว
|
 |
ไปถอดบูชทางด้านขวา ตรงนี้มีเหล็กชิ้นหนึ่งพาดเป็นตัวค้ำยันไว้ใต้บูช มีแหวนบนล่าง
|
 |
ชิ้นส่วนที่ถอดออก
|
 |
โบลต์ตัวยาว มีสนิมขึ้น
|
 |
เมื่อทำความสะอาดชิ้นส่วน โบลต์ น๊อต แหวน และบริเวณรูขันน๊อตสะอาดดีแล้ว ใส่โบลต์ตัวสั้นและแหวน
|
 |
นำขึ้นไปขันยึดติดกับเทลลิ่งอาร์ม หมุนเกลียวเข้าด้วยมือเกือบสุดเกลียว
|
 |
โบลต์ตัวยาว ทำความสะอาด ใช้จาระบีทาผิวบางๆ เป็นการป้องกันสนิม
ใส่แหวน แล้วใส่โบลต์จากใต้เหล็กค้ำยัน ดันให้ทะลุขึ้นข้างบน
|
 |
ที่เกลียวด้านบน ใส่แหวนรอง
|
 |
ใส่น๊อต หมุนเกลียวเข้าด้วยมือจนตึงมือ
|
 |
ขันโบลต์ด้วยประแจปอนด์ จนแน่น ตามมาตรฐาน 94 ปอนด์ทั้งสองตัว
|
 |
บูชโตงเตงหลัง ตัวเก่าที่ถอดออก หน้าตาเขาดูเหมือนยังดีๆ หล่อเหลาอยู่เลย แต่จะต้องปลดประจำการเสียแล้ว
ขอบคุณเจ้าอะไหล่ บูชโตงเตง ที่ทำหน้าที่รับใช้อย่างดีมาตลอดนานกว่า 5 ปี Thanks.... Thanks....
|