BMW E34 DIY Do it yourself by Assoc.Prof. Boonchat Netisak.
Faculty of Industrial Technology, Lampang Rajabhat University, THAILAND.

การถ่วงล้อ
Wheels Balancing
l โดย รองศาสตราจารย์บุญชัด เนติศักดิ์ l MAIN MENU l

   ที่มา ... และสาเหตุ

  • ทำไม ... ต้องถ่วงล้อ
    รถยนต์จะวิ่งดีหรือไม่ นิ่มนวล มั่นคง นิ่งตรง มีเสถียรภาพ หรือไม่ ล้อเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรจะต้องสมบูรณ์ จึงจะทำให้รถของเราวิ่งได้อย่างมีคุณภาพ ได้สมรรถนะ และปลอดภัย

    ล้อประกอบด้วยกระทะล้อและยาง ล้อควรกลมและหมุนได้ศูนย์ นิ่ง ไม่แกว่ง ไม่สบัด ในทุกความเร็ว แต่ในความเป็นจริง กระทะและยางที่รวมกันเป็นล้ออาจมีแต่ละจุดที่หนักไม่เท่ากัน ซึ่งเมื่อหมุนด้วยความเร็วจะทำให้ล้อสั่น จะสั่นมากน้อยนั้นแต่ละล้อไม่เท่ากัน ทางปฏิบัติจึงจำเป็นต้องตรวจสอบทุกล้อ เมื่อพบว่าหมุนไม่ได้ศูนย์ จะใช้ตะกั่วเป็นน้ำหนักถ่วงติดไว้กับกระทะล้อเพื่อให้การหมุนได้สมดุล ไม่สั่น อันส่งผลให้รถเคลื่อนที่ได้มั่นคงในทุกความเร็ว


  • จะต้องถ่วงล้อ .... ตอนไหน
    1. ตอนที่เปลี่ยนยางใหม่ หรือเปลี่ยนกระทะล้อใหม่ ต้องถ่วงล้อก่อนทุกครั้ง บริการนี้ฟรี ... เขาคิดค่าบริการรวมไว้ในค่ายางเรียบร้อยแล้ว

    2. ตอนที่รู้สึกว่าขับรถแล้วล้อสั่น แม้ยางของเรายังมีสภาพดี แต่เมื่อขับรถด้วยความเร็ว รู้สึกล้อสั่น วิธีแก้ที่ง่ายและค่าใช้จ่ายไม่แพง คือ การถ่วงล้อ จะช่วยให้ล้อหมุนได้สมดุล หายสั่น หรือสั่นน้อยลง

      • รู้สึกล้อสั่นส่งมาทางพวงมาลัย เมื่อขับด้วยความเร็วระดับหนึ่งบนทางเรียบไฮเวย์ และสั่นมากขึ้นเมื่อเพิ่มความเร็ว เราผู้ขับจะรับรู้ถึงการสั่นมากกว่าคนอื่น นี่คือ ล้อหน้าหมุนไม่สมดุล ล้อหน้าสั่น

      • รู้สึกล้อสั่นส่งมาที่เบาะ เช่นนั่งเบาะหลังรู้สึกสั่นมาก เมื่อขับด้วยความเร็วระดับหนึ่งบนทางเรียบไฮเวย์ และสั่นมากขึ้นเมื่อเพิ่มความเร็ว (คนขับที่มีความรู้สึกไว ก็สามารถรับรู้ได้) นี่คือ ล้อหลังหมุนไม่สมดุล ล้อหลังสั่น

      หากมีอาการล้อสั่น ควรตรวจและเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานแล้วลองวิ่งทดสอบดูก่อน ว่าดีขึ้นไหม กรณียางอ่อน ยางแบน จอดรถไว้นาน ยางไม่กลม แก้มยางพอง ยางบวม หน้ายางสึกไม่เท่ากัน เนื้อยางแข็งหมดอายุ กระทะล้อเบี้ยวหรือคด จะทำให้ล้อหมุนไม่สมดุล สั่นและสบัด การถ่วงล้ออาจแก้ไม่ได้

  • ต้องถ่วงกี่ล้อ ... 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ
    มีบางคนบอกว่าล้อคู่หน้าสำคัญ ถ่วงเฉพาะคู่หน้าก็พอ คู่หลังไม่ต้องถ่วง และมีหลายๆ คนก็ปฏิบัติตาม โดยจะถ่วงเฉพาะ 2 ล้อ คู่หน้าเท่านั้น ... ประหยัด

    ความเห็นของผมแตกต่างจากข้างต้น ผมว่าล้อทุกล้อสำคัญทั้งหมด หากมีล้อใดล้อหนึ่งหมุนไม่สมดุลหรือสั่น จะส่งผลให้รถสั่นที่เรารู้สึกได้ เพียงแต่การสั่นของล้อหน้า ที่เป็นผู้นำและบังคับทิศทาง จะส่งผลผ่านทางพวงมาลัยซึ่งเรารับรู้มากที่สุด ในทางปฏิบัติที่ผมใช้ก็คือผมจะถ่วงทั้ง 4 ล้อ เพิ่มค่าใช้จ่ายอีกเล็กน้อย แต่ผลที่ได้ผมว่ารถวิ่งดีขึ้น ... ซึ่งผมว่าคุ้ม

    รถของท่านผู้ใด ที่เคยถ่วงล้อเฉพาะคู่หน้า ไม่เคยสนใจล้อคู่หลัง ปล่อยไว้ตามยะถากรรม ลองสักครั้งใจถึงหน่อย ถ่วงให้หมดทั้ง 4 ล้อไปเลย แล้วท่านจะรู้ว่า รถจะวิ่งดีกว่าเดิมอีกเยอะเลยที่เดียวครับ

  • วิธีการถ่วงล้อ มีกี่แบบ ... ถ่วงแบบไหน .... จึงจะดี
    ตามที่ผมเห็นจากร้านที่เขาให้บริการถ่วงล้อ เขาจะมีวิธีการถ่วงล้ออยู่ 2 แบบ คือการถ่วงแบบที่ไม่ต้องถอดล้อ กับแบบที่ถอดล้อออกมาถ่วง



    1. การถ่วงแบบที่ไม่ต้องถอดล้อ ล้อจะยังคงติดอยู่กับรถ เขาจะใช้แม่แรงยกรถให้ล้อลอย แล้วใช้เครื่องตรวจที่มีตัวหมุนดันเข้าไปที่ยางรถให้ล้อหมุนตามด้วยความเร็ว เครื่องจะรายงานตำแหน่งการสั่นและน้ำหนักตะกั่วที่ใช้ถ่วง การถ่วงแบบนี้บางท่านจะเรียกว่า "การถ่วงแบบจึ้ล้อ" หรือบางท่านอาจเรียกว่า "การถ่วงแบบประชิด" การถ่วงแบบนี้มีข้อดีคือไม่ต้องถอดล้อ การหมุนของล้อใกล้เคียงสภาพจริง คือตรวจการหมุนแบบความใช้ความเร็วสูง (ดูรูปด้านบน)



    2. การถ่วงแบบที่ต้องถอดล้อออกมาถ่วง วิธีนี้ต้องขึ้นแม่แรง ถอดน๊อตล้อ เอาล้อออกมาเข้าเครื่องตรวจ ซึ่งเครื่องก็จะมีแกนหมุนล้อ เพื่อหาตำแหน่งการสั่นและรายงานน้ำหนักตะกั่ว การถอดล้อออกมาก็มีข้อดีที่ได้ตรวจสภาพยาง และแคะหินที่ติดในดอกยางออก เหมาะกับการถ่วงล้อทั่วๆ ไป ความเร็วการหมุนของล้อในการตรวจความสมดุลไม่สูง (ดูรูปด้านบน ... เครื่องเก่าแล้ว ... ดูเพื่อความเข้าใจ ผลการถ่วงใช้ได้)


    [ Reference Source : GSP9700 , http://www.hunter.com ]

    เครื่องตรวจและถ่วงล้อรุ่นใหม่ๆ จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และแก้ข้อบกพร่องของเครื่องรุ่นเก่า ใช้มอเตอร์ที่หมุนมีความเที่ยงตรงร่วมกับการควบคุม-คำนวณด้วยซอฟต์แวร์เฉพาะทาง ทำให้สามารถตรวจการสั่นของล้อได้ที่ความเร็วต่ำประมาณ 150 - 300 RPM มีการ mark ตำแหน่งของตะกั่วได้แม่นยำด้วยแสงเลเซอร์ บางรุ่นมีแขนกลเอาตะกั่วเข้าไปติดกับกระทะล้อให้เสร็จ ....

    กรณีมีคำถามว่า การถ่วงล้อแบบไหน ..... จึงจะดี

    ตอบ ...
    ผมว่าแต่ละแบบมีข้อดีของตัวเอง นั่นคือดีทุกแบบ ถ้าช่างที่ใช้เครื่องได้ศึกษาและเข้าใจ สามารถใช้เครื่องได้อย่างถูกต้อง ย่อมสามารถถ่วงล้อให้หมุนอย่างสมดุลได้ ซึ่งคนเก่าๆ กับเครื่องถ่วงรุ่นเก่าๆ เรียกว่า "มีฝีมือ" เครื่องถ่วงล้อรุ่นใหม่ๆ ที่ทันสมัยมากช่างที่ถ่วงไม่จำเป็นต้องเก่ง เพราะเครื่องจะจัดการให้เกือบทั้งหมด ผมได้ลองใช้บริการถ่วงล้อแล้วทั้งสองแบบกับเครื่องถ่วงที่ไม่ค่อยจะทันสมัยนัก และระยะเวลาที่ต่างกัน จะนำเสนอจากประสบการณ์ที่ผมได้รับมา ให้ท่านพิจารณา อาจเป็นข้อมูลปรับใช้ให้เหมาะสมกับรถของท่านได้เมื่อถึงคราวจำเป็นที่จะต้องไปถ่วงล้อ



No problem, We can do, Please continue ............ this DIY.
[upLoad on 20/08/2009]


หมายเหตุ ........

งานนี้ทำเองไม่ได้นะครับ เราไม่มีเครื่องมือ ต้องขับรถไปที่ร้านยาง ที่มีเครื่องตรวจถ่วงล้อ ให้เขาดำเนินการให้ เสร็จแล้ว เราจ่ายเงิน .....



ถ่วงล้อ แบบประชิด หรือ แบบจี้ล้อ
  • ขับรถเข้าไปที่ร้านเป้าหมาย มีป้ายบอก "ถ่วงล้อ"
  • อาจเป็นร้านขายยาง หรือร้านขายล้อแม็ก เลือกร้านที่สะอาดหน่อย
  • อาจเข้าไปดูลาดเลา ... ดูเครื่องมือถ่วงล้อที่ใช้ ... ทันสมัยหรือเปล่า (ถามราคาค่าถ่วงด้วย)
  • รูปด้านซ้ายนี้ เป็นเครื่องตรวจถ่วงล้อแบบจี้ล้อ ที่ผมเคยเอารถเข้าไปลองถ่วงล้อ (ไม่ทันสมัย แต่ในต่างจังหวัดก็ถือว่าดีแล้ว .... ไม่มีตัวเลือก ปี 2005)
  • เขาจะขึ้นแม่แรงให้ล้อที่จะถ่วงลอยจากพื้น
  • มีตัวค้ำรองรับตรงปีกนก
  • เข็นเครื่องตรวจถ่วงล้อเข้ามาใกล้ๆ
  • เครื่องนี้เสียบปลั๊กกับไฟฟ้า 220 volts
  • เพื่อให้เครื่องหมุนตัวจี้ที่อยู่ด้านล่างของเครื่อง
  • ช่างจะเปิดสวิตช์ให้เครื่องหมุน
  • ดันตัวหมุนให้ล้อรถหมุนตาม แบบเร็วจี๋ ... ถึงใจ
  • อ่านผลตัวเลขที่เครื่องรายงาน การสั่นมากน้อย
  • จัดการถ่วงตะกั่วตามน้ำหนักและตำแหน่งที่เครื่องแสดง

  • การถ่วงล้อ แบบถอดล้อออกไปถ่วง
  • ช่างเขาจะขึ้นแม่แรง ยกล้อลอยจากพื้น
  • ถอดฝาครอบดุมล้อ และถอดน๊อตล้อ เพื่อเอาล้อออกมา
  • ถ้าถ่วง 4 ล้อ ก็ต้องถอดออกมาทั้ง 4 ล้อ
  • อำนวยความสะดวก ให้ช่างที่ถอดล้อ
  • เอาเครื่องมือถอดฝาครอบดุมล้อของเราให้เขาใช้
  • ถ้าไม่มีเขาจะใช้ไขควงแงะ แงะ แงะ
  • ตัวนี้ก็สำคัญ ตัวช่วยถอดน๊อตล้อ
  • น๊อตพิเศษ ที่ต้องใช้ตัวช่วยถอดมีล้อละ 1 ตัว
  • ส่วนใหญ่ช่างไม่ค่อยจะมีใช้ เราต้องเอาของเราให้เขาใช้
  • เครื่องมือของเรา ต้องไม่ลืมเอาคืนตอนเสร็จงาน
  • เอาล้อไปเข้าเครื่องมือถ่วงล้อ เราควรตามไปดู
  • บอกให้ช่างเขาแคะ เม็ดหิน เม็ดกรวด ที่ติดคาอยู่ตามดอกยางออกด้วย
  • ช่างเขาจะให้ล้อหมุนเพื่อตรวจสอบความสมดุลของล้อ หมุนหนิดหน่อย ไม่เร็ว
  • ผลที่ได้ปรากฏเป็นตัวเลข จำนวนกรัมของตะกั่วที่จะใช้ถ่วง
  • ตัวเลขด้านซ้ายเป็นขอบล้อด้านใน ตัวเลขด้านขวาเป็นขอบล้อด้านนอก
  • ช่างจะหมุนล้อหาตำแหน่งที่ไม่สมดุล
  • เอาตะกั่ว น้ำหนักตามจำนวนกรัมที่เครื่องบอก ตอกลงไปที่ขอบกะทะล้อ ที่ด้านนอกและด้านใน (หรือติดด้วยกาว)
  • ทดสอบให้ล้อหมุน เครื่องจะรายงานผลหลังการถ่วง
  • ถ้าได้ตัวเลข 0 - 0 ทั้งด้านนอกและด้านในก็เยี่ยม
  • ถ้ายังไม่ได้ 0 - 0 ช่างเขาจะถ่วงใหม่ จนกว่าจะได้ 0 - 0 หรือใกล้เคียง
  • เครื่องถ่วงบางรุ่น แสดงผลการตรวจด้วยจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่
  • หลักการเหมือนเครื่องแรก เราอ่านตัวเลขในจอ
  • ดีกว่าเครื่องแรกหน่อย ตรงที่มีรูปยาง ตัวเลขและลูกศรตำแหน่งชัดเจน
  • เราก็เฝ้าดู ตอนที่ช่างเขาถ่วงล้อ
  • ลุ้น .... สาธุ ๆ .... โอม .... เพี๊ยง
  • งวดนี้ลูกช้างขอให้ออก 0 - 0 ทีเถอะ OK ..

  • ตะกั่วที่ใช้ถ่วงล้อ


    • ตะกั่วที่ใช้ถ่วงล้อ ... ก็สำคัญ
      ตะกั่วที่ใช้เป็นน้ำหนักถ่วงที่กระทะล้อ นิยมใช้กัน 2 แบบ คือแบบเป็นแผ่นตะกั่วที่ใช้กาวติดกับกระทะล้อ กับแบบเป็นแท่งตะกั่วตอกไว้กับขอบกระทะล้อ แบบที่ติดกาวสามารถซ่อนไว้ด้านในของกระทะล้อ มองไม่เห็น กระทะล้อภายนอกจึงสวยงามกว่า ส่วนแบบตอกติดขอบกระทะ จะมองเห็นตะกั่วติดอยู่ที่ขอบกระทะ เห็นชัดเจน บางคนก็ว่าไม่สวย แต่การวิ่งใช้งานปกติจะหลุดยาก ส่วนแบบที่ใช้กาวติด ถ้าเบรกมีฝุ่นออกเยอะกาวจะไม่ทน ประกอบกับความร้อนที่ล้อ วิ่งไปไม่นานตะกั่วจะหลุดร่วงออกมา
  • ล้อที่ตรวจผ่านการตรวจความสมดุลและถ่วงแล้ว
  • มองเห็นตะกั่วที่ตอกติดไว้กับกระทะล้อ
  • ตะกั่วที่ใช้ถ่วงล้อ เป็นแท่งสั้นบ้าง ยาวบ้าง
  • มีตัวเลขน้ำหนักเป็นหน่วย กรัม บอกไว้
  • ตัวอย่างตะกั่วที่ใช้ตอกติดกระทะล้อ มีตัวเลข 35 คือ หนัก 35 กรัม
  • ตะกั่วแบบตอกติดไว้กับกระทะล้อ อาจหลุอออกได้เองตอนรถวิ่ง
  • หรือหลุดตอนที่กระทะล้อไปครูด เสียดสีกับขอบทาง หรือกับวัตถุอื่นๆ
  • เราจึงควรสังเกตเป็นประจำ ว่าตะกั่วอยู่ครบไหม
  • ตะกั่วอีกแบบหนึ่ง เป็นแผ่นแบน ด้านหนึ่งมีกาว 2 หน้าติดไว้
  • ติดกับขอบกระทะล้อด้านใน
  • แบบนี้ก็หลุดได้ แต่สังเกตค่อนข้างลำบาก


  • การขันน๊อตล้อ
  • การขันน๊อตล้อทั้ง 5 ตัว ต้องขันให้แน่น
  • บางร้านจะใช้ประแจบ๊อกลมทั้งตอนถอดออกและตอนขันเข้า
  • บางร้านที่ดี เมื่อเอาแม่แรงลงแล้ว เขาจะใช้ประแจปอนด์มาตรวจซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
  • เราควรถามช่างด้วยว่าใช้แรงเท่าไร มาตรฐานของ BMW E34 ใช้แรงขันน๊อตล้อ 74 ปอนด์
  • จะเกินไปหน่อยก็พอได้ หยวนๆ 80 ก็ OK ใช้ได้
  • แต่อย่าให้ถึงกับใช้เท้าขึ้นไป ขย่ม บนด้ามประแจ เดี๋ยวแน่นเกิน ... น๊อตขาด กลายเป็นเรื่องใหญ่


  • ทดลองวิ่ง

    เมื่อถ่วงล้อเสร็จ ควรลองขับรถใช้งาน การสั่นของล้อควรต้องหายไป หรือสั่นน้อยลง หรือสั่นที่ความเร็วสูงขึ้นกว่าก่อนการถ่วง
  • โดยทั่วไปถ้าขับประมาณต่ำกว่า 100 km/hr รถควรจะวิ่งได้ดี ไม่รู้สึกถึงการสั่นของล้อ
  • การถ่วงล้อได้คุณภาพปานกลาง ผลคือ ขับจากความเร็วต่ำๆ ไปได้ถึง 140 ไม่สั่น สูงกว่านี้สั่น
  • การถ่วงล้อได้คุณภาพดี ผลคือ สามารถใช้ความเร็วสูงได้ ไม่รู้สึกสั่น รถวิ่งนิ่งตรง มั่นคง

    * นอกจากล้อ (กระทะล้อ และยาง) แล้ว พวกบูช ลูกหมาก ปีกนก ระบบพวงมาลัย แกนศูนย์ล้อ ก็ล้วนเป็นสาเหตุของอาการล้อสั่นได้


  • การถ่วงล้อครั้งต่อไป ... เมื่อใด


    • การถ่วงล้อครั้งต่อไป ... เมื่อใด
      หลังจากที่เราได้ถ่วงล้อ และรถจะวิ่งได้ดีพอสมควร (ตามสภาพรถ) แต่มันจะไม่คงที่นะครับ เมื่อวิ่งๆ ไปสักระยะหนึ่ง อาจเป็น 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 10 km. 200 km. 10,000 km. ซึ่งไม่แน่ ตะกั่วที่ใช้ถ่วงอาจหลุดหายไป หรือพอถ่วงมาได้ 3 วัน ขับรถไปปีนขอบทาง กระทะล้อครูดกับขอบทาง ตะกั่วหลุด ล้อก็จะกลับมาสั่นอีก เราจึงควรหมั่นสังเกตที่ล้อว่าตะกั่วหลุดหายไปหรือไม่ หรือการขับขี่ล้อสั่นผิดปกติหรือไม่ ข้อสังเกตเหล่านี้จะทำให้เราตัดสินใจที่จะนำรถของเราเข้ารับบริการตรวจและถ่วงล้อ .... ใหม่อีกครั้ง ..... เสียเงินอีกครั้ง เป็นวัฏจักร

      มีคำถามว่า ผู้ขับรถเป็นคนมีความรู้สึกช้ามาก จะทำอย่างไร ล้อสั่นก็ไม่รู้สึก ชนิดที่ว่าคนขับรถคันหลังที่ตามมา ทนไม่ค่อยได้ ตะโกนบอกในใจว่า "คุณ ๆ ... ล้อรถคุณสั่นมากเลย น่าจะไปตรวจหน่อยนะครับ อันตราย"

      ผมมีคำแนะนำว่า ถ้าเราไม่รู้สึกอะไรเลย ว่ารถเราจะมีล้อสั่นหรือไม่ อาจเนื่องจากเราไม่เคยขับรถเร็วก็ได้ เราควรไปตรวจถ่วงล้อสักประมาณปีละครั้งก็จะดี หรือตอนที่สลับยางจะถ่วงล้อด้วยก็เหมาะ หรือก่อนที่เราจะขับรถไปทางไกล ไปพักผ่อนประจำปี ควรตรวจล้อ ตรวจเบรก ตรวจลมยาง และถือโอกาสให้ถ่วงล้อไปด้วย เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก .. หนิดหน่อย เราจะมีความสุขและมั่นใจในการขับรถเดินทางไกลมากขึ้นอีกเยอะเลยละ ... ครับ



    หมายเหตุ ...


    ประสบการณ์ การเอารถไปถ่วงล้อ ...

  • แนะนำว่าควรไปประมาณ 9 - 10 โมงเช้า กำลังเหมาะ ช่างเขายังไม่เหนื่อย ไม่หิวข้าว เขาจะตั้งใจถ่วงให้เราดี บอกเขาด้วยว่าต้องการตะกั่วแบบไหน ควรดูผลการถ่วงให้ได้ 0 - 0 หรือ OK ..

  • การถ่วงแบบไม่ถอดล้อ หรือแบบจี้ล้อ หรือแบบประชิด ผมเคยเข้าไปถ่วง (รถผมไม่มีปัญหาอะไร แต่อยากลองดู ... ก็เท่านั้น) เครื่องมือก็แบบที่เห็น ไม่ทันสมัย ช่างที่ถ่วงก็ไม่ค่อยเป็นงานมาก ดูท่าทางที่เขาทำแล้วผมบอกให้พอ หยุดถ่วงเพราะดูแล้วน่าจะเลวกว่าเดิม มีข้อแนะนำว่าควรเลือกร้านที่มีเครื่องมือทันสมัย และใช้ช่างที่ชำนาญเฉพาะ BMW เพราะรถ BMW E34 มีปีกนกที่ไม่เหมือนรถอื่น ช่างจะต้องมี Know How ของ BMW และเคยทำรถ BMW มาแล้ว จึงจะถ่วงได้ดี ไม่งั้น ... เสียเงินเปล่า

  • การถ่วงแบบถอดล้อออกมาถ่วง มีบริการทั่วไป ถอดล้อออกมาแล้วทุกยี่ห้อถ่วงแบบเดียวกัน ปกติเราก็จะถ่วงล้อกันแบบนี้แหละ ผมเคยใช้บริการแบบนี้หลายแห่ง ควรเลือกร้านที่มีระเบียบ มีเครื่องทันสมัยกว่าร้านอื่นในถิ่นนั้นๆ พิถีพิถันงาน และมีนิสัยช่างที่ดี เพราะต้องถอดล้อออกมา ช่างบางร้านไม่เคยทำ BMW มาก่อน ต้องดูการขึ้นแม่แรงตรงจุดรองรับหรือไม่ หากทำไม่ดีตัวถังอาจบุบ เป็นรอย หรืออาจทับท่อน้ำมันบี้แบน แตก (บางร้านจะให้เด็กฝึกหัดใหม่ มาถอดและถ่วงล้อ ... ระวัง มีงานเข้า .. เพิ่ม)

    การใช้ตะกั่ว แบบติดกาว ... กับแบบตอกติดกระทะล้อ จะหลุดไหม ...

  • การใช้ตะกั่ว ผมเคยลองแล้วทั้ง 2 แบบ แบบติดกาวและแบบตอกติดกระทะล้อ มีโอกาสที่ตะกั่วจะหลุดหายทุกแบบ
  • รถผมมีฝุ่นจากเบรกเยอะ ตะกั่วแบบใช้กาวติดจะหลุดบ่อยมาก วิ่งทางไกลประมาณ 200 km หลุดร่วงหาย
  • แบบตอกติดกระทะล้อก็หลุด บางทีวิ่ง 5 km หายไปแล้ว ขึ้นอยู่กับช่างที่ถ่วงล้อด้วยว่าติดแน่นดีหรือไม่



  • BMW E34 at Honningsvag, NORWAY

    เมื่อ 13 ก.ค. 2552 ผมและบิ๊กสปอนด์เซอร์ได้มีโอกาสไปแหลมเหนือ ประเทศนอร์เวย์
    แวะพักที่เมือง Honningsvag : 31 km. ก่อนถึง Nordkapp ได้พบเพื่อน E34 จอดอยู่ริมอ่าว
    สถาพยังเดิมๆ แต่ล้อไม่เดิม นำมาฝากผู้อ่านเพราะว่าพวกเดียวกัน แต่สังเกตให้ดี รถแถวนั้นมีที่ฉีดน้ำล้างตาด้วย



    [ 13/7/2009 19:12:52 Honningsvag, Norway ]


    [ 13/7/2009 18:47:08 Honningsvag, Norway ]




    Homepage of Associate Professor BOONCHAT NETISAK
    Copyright © by BOONCHAT NETISAK, All Rights Reserved.


    [ BMW E34 DIY MAIN MENU ]