 |
นอซเซิล (nozzle) จำนวน 6 ตัว เราจะฝังลงบนท่อไอดี เพื่อฉีดให้แก๊ส LPG เข้าไปยังกระบอกสูบ
|
 |
ท่อร่วมไอดี ถอดออกมาข้างนอก เพื่อที่จะเจาะรูสำหรับฝังหัวฉีดแก๊ส หรือฝังนอซเซิล (nozzle) ผมเลือกที่จะเจาะด้านล่าง ไม่อยากให้เกะกะบนเครื่อง
|
 |
วาวล์ไอดีของเครื่อง M50 มีสูบละ 2 วาวล์ ปกติวาวล์จะปิด และเปิดตอนจังหวะที่จะดูดเชื้อเพลิงเข้า
ปากรูของนอซเซิลควรให้ใกล้และมีทิศทางพุ่งเข้าไปตรงที่รูของไอดี
|
 |
ใช้ดอกสว่าน 5 mm. เจาะเอียงให้ทางแก๊สออกพุ่งเข้าไปที่รูวาวล์ไอดี เจาะที่ท่อไอดีให้เหมือนกันทั้ง 6 สูบ
|
 |
ชุดทำเกลียว (เขาเรียกว่าเครื่องต๊าฟเกลียว) เป็นเกลียวละเอียด ไม่ค่อยจะมีขายที่ต่างจังหวัด ผมต้องให้ร้านเขาสั่งมาพิเศษ ราคาแพงเป็น 4 เท่า .... โหดพอควร
หลังจากใช้งานผมแนะนำท่านผู้อ่านว่า สำหรับเครื่อง M50 ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทำเกลียว เพราะท่อไอดีเป็นวัสดุคล้ายไฟเบอร์ สามารถใช้เกลียวของนอซเซิลขันเข้าที่รูได้โดยตรง จะประหยัดเงินได้ส่วนหนึ่ง แต่ต้องออกแรงเพิ่มขึ้น
|
 |
ตอนทำเกลียว ใช้ดอกที่ทำเกลียวค่อย ๆ ขันเข้า ขันออก ทีละนิด จนเป็นเกลียวทะลุ ทำให้ครบทั้ง 6 รู
|
 |
หยอดน้ำยาล็อกเกลียวที่เกลียวของนอซเซิล
|
 |
นำนอซเซิลขันเข้าตรงรูที่เราเจาะและทำเกลียวไว้ ใช้ประแจแอลช่วยขัน พอตึงมือ อย่าแรงเกิน เดี๋ยวเกลียวหวาน
เกลียวหวาน หมายถีงเกลียวรูด หลวม ขันไม่ได้ เกลียวเสีย
|
 |
ติดตั้งนอซเซิลให้ครบทั้ง 6 หัว รูของนอซเซิลจะเป็นตัวฉีดแก๊สให้พุ่งเข้าไปในกระบอกสูบตามแรงดันของแก๊ส และแรงดูดของลูกสูบที่รวมอากาศเข้าไปด้วย
นอซเซิลที่ติดตั้งแล้ว จะเป็นระเบียบเดียวกัน เหมือนกันทั้ง 6 หัว
|
 |
ที่ท่อร่วมไอดี ตรงใกล้ๆ กับที่ต่อสุญญากาศไปหม้อลมเบรก เราต้องเจาะรูเล็กๆ 1 รู เพื่อฝังหัวต่อสุญญากาศทองเหลืองสำหรับต่อสายยางสุญญากาศไปเข้าเรกุเลเตอร์
ท่อสุญญากาศนี้ อาจเรียกว่าท่อแวกคัม (Vacuum hose) เป็นตัวส่งแรงดูดไปบอกแก่เรกุเลเตอร์ถึงอัตราการเร่งเครื่องยนต์ เพื่อให้จ่ายแก๊สออกให้เหมาะสม
|
 |
การเจาะรู ใช้จาระบีทาที่ดอกสว่าน เจาะเบาๆ ไม่ให้ขี้สว่านตกไปในท่อไอดี พอเจาะรูด้วยดอกสว่านเสร็จ ก็อัดหัวต่อสุญญากาศเข้าไป หมุนเกลียวจนแน่น ตรงนี้ไม่ได้ใช้เครื่องทำเกลียว
(เครื่องยนต์ Turbo จุดต่อท่อ Vacuum ต้องย้ายจุด จะใช้ตรงนี้ไม่ได้ .... เข้าจั๋ย .. บ๊อ โปรดดูคู่มือ)
|
 |
ติดตั้งวาวล์หัวฉีดทั้ง 6 หัว ขนาดที่ผมใช้คือ #Jet15
สายท่อยางที่ใช้ เป็นท่อแก๊ส ให้มาพร้อมกับชุดติดตั้งในกล่อง ความยาวเขาให้มาพอดี ต้องวางแผนก่อนตัด
|
 |
สำคัญ .........
ความยาวท่อยางระหว่างวาวล์หัวฉีดกับนอซเซิล ต้องยาวเท่ากันทุกสูบ ผมใช้ 8 cm. ( >>> .. ตรงนี้ สำคัญ สายยางที่ต่อระหว่างหัวนอซเซิลกับวาวล์หัวฉีดทุกเส้น ทุกสูบ ต้องเท่ากัน ... <<<)
ทุกสูบต้องวัดให้ยาวเท่ากัน เพื่อให้จ่ายแก๊สได้ทัน รวดเร็ว เครื่องยนต์จะเดินเรียบ ไม่สั่น ไม่สะดุดตอนเปลี่ยน น้ำมันเป็น LPG
สำหรับท่อยางจากวาวล์หัวฉีดไปยังหนวดปลาหมึกของเรกุเลเตอร์ที่จ่ายแก๊สออก ใช้ความยาวตามสภาพจริง ซึ่งแต่ละสูบไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระยะที่ติดตั้ง
|
 |
จัดระเบียบท่อแก๊ส และวาวล์หัวฉีด ให้เรียบร้อย ใช้สายไนล่อนรัดไว้ ปลายท่อยางทำเครื่องหมายให้รู้ว่าของสูบไหน เพราะตอนใส่จริงใต้ท่อไอดีเราจะมองไม่เห็นถนัด
ควรตรวจขันเข็มขัดรัดท่อทุกอันอีกครั้ง ให้แน่ใจ ทุกจุดต้อง ชัวร์ ...
|
 |
ตัวควบคุมการจ่ายแก๊ส LPG เรียกทับศัพท์ว่า เรกุเลเตอร์ (Regulator) ทำงานแบบอัตโนมัติ
ผมใช้ยี่ห้อ AUTRONIC รุ่น VIR 200
|
 |
เปิดฝากล่อง มีตัวเรกุเลเตอร์อยู่ข้างใน
|
 |
ตรวจดูชิ้นส่วนข้างใน ต้องมีแผ่นเหล็กสำหรับติดตั้งมาให้ 1 แผ่น
|
 |
ที่ด้านข้าง มีหมายเลขรหัสประจำตัว น่าจะเป็น serial no.
รูที่มีเกลียวอยู่ล่างสุด เป็นรูสำหรับต่อแก๊ส LPG เข้า มาจากตัวระเหยแก๊ส
|
 |
ตรงกระเปาะทรงกลม มีคำเตือน เห็นว่าข้างในมีไส้กรองที่ถอดล้างหรือเปลี่ยนได้ แต่ผมยังไม่เคยถอด
|
 |
มีรูขนาดเล็ก 1 รู สำหรับต่อเข้ากับสุญญากาศของท่อไอดี เพื่อควบคุมการจ่ายแก๊สออกให้มีแรงดันพอต่อความต้องการของเครื่องยนต์
ข้อดีของอุปกรณ์นี้ คือ จ่ายแรงดันแก๊สออกตามความต้องการของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ไม่มีปุ่มหมุน ไม่มีปุ่มจูน ให้เมื่อย .... ตุ้ม คือ ลดความยุ่งยากในการปรับแต่งไปได้ทั้งหมด
|
 |
รูหัวจ่ายแก๊สออก มีหนวดปลาหมึกชี้ออก 6 หัว 6 รู จะกลึงมาเรียบร้อย สวยงาม เพียง 2 หัวจ่าย อีก 4 หัว หล่ออกมายังมีตะเข็บ ใช้ตะไบแต่งให้เรียบ
|
 |
ด้านบนสุดของตัวจ่ายแก๊ส มีโซลีนอยด์วาวล์ ตัวสีดำ มีปลั๊กต่อสายไฟไปยังชุด ECU ของแก๊ส ซึ่งจะควบคุมการเปิดปิดวาวล์จ่ายแก๊สให้ปลอดภัย
|
 |
ตัวระเหยแก๊ส หรือบางคนเรียกว่า ท่อต้ม ดัดโค้งงอได้ หรือบางแบบเป็นท่อแข็ง โค้งงอไม่ได้ เรียกว่า แท่งต้ม
ภาษาอังกฤษ คือ Vaporizer/Vaporiser ย่อเป็น VPS ตัวนี้จะทำหน้าที่แทนหม้อต้ม
|
 |
ด้านนี้ต่อกับท่อทองแดงที่ส่งแก๊สเหลวมาจากถัง ท่อนี้จึงรับแก๊สเหลว (น้ำแก๊ส) เข้า มีตาไก่เพื่อต่อกับท่อทองแดงมาให้พร้อม
|
 |
การต่อก็เอาตาไก่สวมท่อทองแดง ขันเกลียวเข้าให้แน่น เมื่อต่อเสร็จ จะเป็นดังภาพนี้
|
 |
ด้านนี้ เป็นด้านที่แก๊สออกจากตัวระเหยแก๊ส จะสวมตาไก่ไว้ให้เรียบร้อย เราเอาสวมเข้ากับตัวเรกุเลเตอร์ (VIR) ขันเกลียวให้แน่นก็จะใช้ได้ทันที
|
 |
การต่อน้ำร้อนเข้า ดูที่ท่อ WATER ---> มีลูกศรชี้เข้า
ตรงนี้มี Sensor วัดอุณหภูมิน้ำติดตั้งไว้ด้วย Sensor จะรายงานให้ ECU ทราบว่าน้ำร้อนพอที่จะให้ระบบแก๊ส LPG ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือยัง (ตามที่เราตั้งกี่องศา)
|
 |
ด้านน้ำร้อนออก ดูที่ลูกศรชี้ออก --> WATER น้ำที่ให้ความร้อนแก่แก๊สแล้ว อุณหภูมิจะลดลง จะไหลเวียนออกตรงนี้ เพื่อกลับเข้าไปในเครื่องยนต์ เมื่อได้รับความร้อนจากเครื่องยนต์แล้วก็จะออกมาเข้าตัวระเหยแก๊สอีกอีกครั้ง วนเวียนเป็นวัฏจักร
|
 |
ตำแหน่งที่ติดตั้งตัวเรกุเลเตอร์ อยู่ที่ช่องว่างด้านซ้ายเครื่องยนต์ ใกล้ๆ ชุดเบรก ABS
การติดตั้งฐาน ต้องทำจากด้านล่าง ยกรถให้มั่นคง มุดเข้าไปขันน๊อต
รวมถึงการต่อท่อจากตัวระเหยแก๊ส VPS เข้าเรกุเลเตอร์ VIR ต้องทำจากใต้รถ
|
 |
การยึดเหล็กฐานของเรกุเลเตอร์ติดกับตัวถัง ใช้น๊อตเกลียวปล่อยขันเข้าไป ใส่น้ำยาล็อกเกลียวด้วย เพื่อให้แข็งแรง ต้องมีเหล็กเสริมอีกชิ้นหนึ่งยึดข้างหน้า ทะแยงเป็นสามเหลี่ยม ไม่ให้โยก
|
 |
ตัวกรองแก๊ส LPG มีโซลีนอยด์วาวล์ควบคุม ติดตั้งไว้ก่อนถึงตัวระเหยแก๊ส (กรองตัวนี้ผมติดตั้งเพิ่ม)
ท่อทองแดงที่นำแก๊ส LPG เหลว มาจากถังแก๊สต้องต่อเข้าที่นี่เพื่อกรองชั้นที่ 1 และไปกรองชั้นที่ 2 กรองในตัวเรกุเลเตอร์
ทั่วไปเขาจะไม่ได้ติดตั้งตัวกรองนี้เพราะลดค่าใช้จ่าย แต่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์ ในการใช้งาน คือ มีที่กรองก่อนเข้าตัวระเหย มีวาวล์ที่จะหยุดแก๊สเพื่อความปลอดภัย
ติดตั้งไว้สูง เข้าถึงง่าย ตรวจรั่วง่าย ยามฉุกเฉินดึงขั้วไฟออกแก๊สจะหยุดไหล
|
 |
ต่อท่อแก๊สจากวาวล์หัวฉีดไต้ท่อไอดี ทั้ง 6 เส้น เข้าที่หนวดปลาหมึกของเรกุเลเตอร์ โดยดึงท่อยางมาให้พอดี อย่าตึงเกินไป ขันเข็มขัดรัดท่อให้แน่น
|
 |
พื้นที่แคบ ต้องค่อยๆ ทำ รวมทั้งต้องก้มๆ เงยๆ อาจปวดเอวบ้าง
|
 |
ต่อท่อน้ำร้อน (คลิก ...click ... ดูวิธีการต่อน้ำร้อนเพื่อการระเหยแก๊ส LPG)
หลังจากนี้ เสียบปลั๊กหัวฉีด 6 หัว เสียบปลั๊กวาวล์เรกุเลเตอร์ และเสียบปลั๊ก Sensor อุณหภูมิน้ำ ต่อท่อสุญญากาศ และประกอบชิ้นส่วนอื่นๆ ให้สมบูรณ์
 |